Follicular Unit Extraction (ปลูกผมไร้แผลเย็บ, ปลูกผมไร้แผลเป็น, ปลูกผมไร้รอย, ปลูกผม FUE
การปลูกผมไร้แผลเย็บ, ปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) เป็นวิธีปลูกผมโดยการย้ายเซลล์ผมโดยไม่ต้องตัดหนังศรีษะออกมาเป็นชิ้นยาวๆ ไม่มีแผลเย็บเหมือนการปลูกผมแบบทั่วไป (strip FUT),โดยวิธีนี้จะใช้หัวเจาะขนาดเล็ก 0.8-0.9 มม. เจาะลงไปรอบๆของกอผมลึกลงไปถึงรากผมด้านล่าง โดยการใช้เครื่องมือที่เป็นไฟฟ้า( Motorized Hand Engine) เจาะด้วยมือ (Manual) หรือหุ่นยนต์ Robot จากนั้นแต่ละกอผม จะถูกดึงออกมาจากหนังศรีษะ ทิ้งแผลเล็กๆไว้ จึงเรียว่าการปลูกผมไร้แผลเย็บ, ปลูกผมไร้รอยแผล นั่นเอง
ศัลยกรรมปลูกผมแบบทั่วไป (Strip FUT) และ การปลูกผมไร้แผลเป็น (FUE) บางครั้งอาจดูว่าเป็นวิธีการปลูกผมที่แตกต่างกัน แต่จริงๆแล้ว ปลูกผมFUE ก็คือวิธีหนึ่งในการย้ายเซลล์ผมออกมานั่นเอง โดยที่ย้ายกอผมออกมาจากหนังศรีษะโดยตรง ไม่ต้องตัดหนังศรีษะออกมาเป็นชิ้นแล้วไปแยกเป็นแต่ละกอผมอีกทีโดยใช้กล้องจุลทรรศน์
การปลูกผมไร้แผลเย็บ, ปลูกผม FUEคือ ไม่ต้องโกนผมทั้งหมดทิ้ง โดยทั่วไปการปลูกผมไร้แผลเย็บ, ปลูกผม FUE (follicular unit extraction) จะต้องโกนเฉพาะผมบริเวณท้ายทอยและ ด้านข้างทั้งหมดเพื่อง่ายต่อการปลูกผม แต่ในกรณีการปลูกผมไร้แผลเย็บ, ปลูกผม FUE แบบไม่ต้องโกนผมทั้งหมดนี้ เหมาะกับการปลูกผมจำนวนการฟท์ไม่มาก ประมาณ 500-1000 กราฟท์ กรณีที่มากกว่า 1000-5000 การโกนผมกรณีนี้ก็จะโกนบริเวณที่ใหญ่กว่า เพื่อง่ายต่อการปลูกผม
สำหรับวิธีนี้ แพทย์จะตัดหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยออกมาเป็นแถบ (1) ความยาวประมาณ 10-20 ซม. จากนั้นจึงนำแถบหนังศีรษะมาหั่นแยกรากผมออกเป็นเส้นๆ (2,3) แล้วจึงใช้คีมขนาดเล็กคีบรากผมไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ (4) แต่สำหรับขั้นตอนนี้เราได้พัฒนาไปใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Implanter Pen ในการปลูกผมแทนคีมจึงทำให้แทบไม่มีโอกาสที่รากผมจะเกิดความเสียหายเลย ข้อเสียของวิธี FUT ก็คือเกิดรอยแผลเป็นเป็นแนวยาวบริเวณท้ายทอย เจ็บกว่า และพักฟื้นนานกว่าวิธี FUE เนื่องจากแผลที่ใหญ่กว่ามาก แต่ก็มีข้อดีคือผมบริเวณท้ายทอยไม่บางลง และไม่ต้องโกนผมก่อนผ่าตัด
คราวนี้มาดูอีกวิธีกันบ้าง สำหรับวิธี FUE นั้น แพทย์จะใช้ FUE Machine ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า 1 มม. เจาะนำรากผมออกจากบริเวณเหนือกกหูและท้ายทอย ทีละเส้น (1,2) จากนั้นจึงนำไปเก็บไว้ในสารละลายที่เหมาะสมโดยแยกตามขนาดของรากผม (3) แล้วจึงใช้คีมขนาดเล็กคีบรากผมไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ (4) แต่สำหรับขั้นตอนนี้ เราได้พัฒนาไปใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Hair Implanter ในการปลูกผมแทนคีม จึงทำให้แทบไม่มีโอกาสที่รากผมจะเกิดความเสียหายเลย ข้อดีของวิธี FUE ก็คือไม่มีรอยแผลเป็นเป็นแนวยาวเหมือนวิธี FUT เพราะแผลที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 1 มม. เท่านั้นจึงทำให้เจ็บน้อยกว่า แผลหายเร็วกว่า และไม่ต้องพักฟื้นนาน แต่ข้อเสียก็คือถ้าย้ายรากผมเป็นจำนวนมากเกินไปผมบริเวณท้ายทอยก็อาจจะดูบางลงกว่าวิธี FUT
ข้อแตกต่างระหว่างการปลูกผมแบบ( FUE) และ แบบStrip (FUT)
|
ปลูกผมไร้แผลเย็บ (FUE) |
ปลูกผมวิธีทั่วไป |
คำอธิบาย |
การย้ายเซลโดยเจาะดึงรากผมแต่ละกอ โดยใช้หัวเจาะขนาดเล็กๆ ไร้เย็บแผล |
การย้ายเซลผมโดยตัดหนังเป็นชิ้นยาวๆ เย็บขอบแผลเข้าด้วยกัน แล้วแยก เป็นแต่ละกอด้วยกล้องจุลทรรศน์ |
มาตรฐาน |
เป็นอีกวิธีที่กำลังนิยม |
เป็นวิธีมาตรฐานของการปลูกผม |
ตัวรากผม |
-อัตราการเสียหายของกอผมที่ได้จะสูง 3-5% |
-อัตราการเสียหายของกอผมที่ได้จะต่ำ 1-2% เพราะใช้กล้องจุลทรรศน์แบ่งเซลผม มีความแม่นยำสูง |
การปลูก |
การปลูกผมลงบริเวณที่ต้องการใช้วิธีการเดียวกัน |
|
บริเวณด้านหลังศรีษะ |
-บริเวณที่เจาะดึงกระจายเป็นบริเวณกว้าง อาจใช้เซลผมจากบริเวณอื่นเช่น เครา หรือตามตัวได้ -จำเป็นต้องโกนผมสั้นตอนผ่าตัด -ไว้ผมสั้นได้ -แผลหายไวกว่า เจ็บน้อยกว่า ไม่มีแผลเย็บ -มีแผลเป็นจุดเล็กๆ กระจายทั่วไป |
-บริเวณที่ตัด จากหูซ้ายถึงขวา -แผลเย็บใช้เวลาหาย1-2สัปดาห์ เจ็บกว่า -โกนเฉพาะบริเวณที่ตัด หลังทำมองไม่เห็นแผลเพราะผมจะปิดไว้ -แผลเป็นยาวเส้นเล็กแต่ผมจะยาวปิดแผลเป็น -ต้องไว้ผมยาว |
ความสามารถ |
-ทำได้ไม่เกิน1500-2000 grafts ต่อครั้ง -หมอทำเป็นส่วนใหญ่ พนักงานน้อยกว่า -ราคาแพงกว่าเท่าตัว |
-ทำได้มากถึง3000-3500grafts -อาศัยพนักงานช่วยมากกว่า -ราคาถูกกว่า |
|
|
|
|